วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คติ

มงคลชีวิต (ราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ ๙)

๑ ขอบคุณข้าวทุกเม็ด น้ำทุกหยด อาหารทุกจาน อย่างจริงใจ
๒ อย่าสวดมนต์เพื่อขอสิ่งใด นอกจาก "ปัญญา" และ "ความกล้าหาญ"
๓ "เพื่อนใหม่" คือของขวัญที่ให้กับตัวเอง ส่วน "เพื่อนเก่า"/"มิตร" คืออัญมณีที่นับวันจะเพิ่มคุณค่า
๔ หนังสือเป็นศูนย์รวมปัญญาของโลก จงอ่านหนังสือเดือนละเล่ม อ่านหนังสือธรรมะปีละเล่ม
๕ ปฏิบัติต่อคนอื่นเช่นเดียวกับที่ต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อเรา
๖ พูดคำว่า "ขอบคุณ" ให้มากๆ
๗ รักษา "ความลับ" ให้เป็น
๘ ประเมินคุณค่าของการ "อภัย" ให้สูง
๙ ฟังให้มาก แล้วจะได้คู่สนทนาที่ดี
๑๐ ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง หากมีใครตำหนิ และรู้แก่ใจว่าเป็นจริง
๑๑ หากล้มลง จงอย่ากลัวกับการลุกขึ้นใหม่
๑๒ เมื่อเผชิญหน้ากับงานหนัก คิดเสมอว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลว
๑๓ ทุกชิ้นงานจะต้องกำหนดเวลาแล้วเสร็จ
๑๔ ใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวก อย่าใช้เพื่อก่อหนี้สิน
๑๕ อย่าหยิ่งหากจะกล่าวว่า "ขอโทษ" อย่าอายหากจะบอกใครว่า "ไม่รู้"
๑๖ จงเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดชีวิต เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอด
๑๗ ระยะทางนับพันกิโลเมตร แน่นอนมันไม่ราบรื่นตลอดทาง
๑๘ เมื่อไม่มีใครเกิดมาแล้ววิ่งได้ จึงควรทำสิ่งต่างๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป
๑๙ การประหยัดเป็นบ่อเกิดแห่งความร่ำรวย เป็นต้นทางแห่งความไม่ประมาท
๒๐ ระเบียบวินัย คือคุณสมบัติที่สำคัญในการดำเนินชีวิต
๒๑ ยามทะเลาะกัน ผู้ที่เงียบก่อนคือผู้ที่มีการอบรมสั่งสอนที่ดี
๒๒ ดาวและเดือนที่อยู่สูง อยากได้ต้องปีนบันไดสูง
๒๓ มนุษย์ทุกคนมีชิ้นงานมากมายในชีวิต จงทำชิ้นงานที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ
๒๔ เป็นหน้าที่ของเราที่จะพูดให้คนอื่นเข้าใจ ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่นที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่เราพูด
๒๕ เหรียญเดียวมี ๒ หน้า คือความสำเร็จ กับล้มเหลว
๒๖ อย่าตามใจตัวเอง เรื่องยุ่งๆ เกิดขึ้น ล้วนตามใจตัวเองทั้งสิ้น
๒๗ ฟันร่วงเพราะมันแข็ง ส่วนลิ้นยังอยู่เพราะมันอ่อน
๒๘ อย่าดึงต้นกล้าให้โตไวๆ (อย่าใจร้อน)
๒๙ ระลึกถึงความตายวันละ ๓ ครั้ง ชีวิตจะมีสุข มีให้ มีอภัย
๓๐ ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด กระดุมเม็ดต่อๆ ไปก็ผิดหมด











ปรัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต
(chinese tantra totem for good luck)

1.จงให้มากกว่าที่ผู้รับต้องการ และทำอย่างหน้าชื่นตาบาน
2.จงพูดกับคนที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่า แต่เขาก็มีความสำคัญเท่ากัน
3.จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน ใช้ทั้งหมดที่มี และนอนเท่าที่อยากจะนอน
4.เมื่อกล่าวคำว่า "ฉันรักเธอ" จงหมายความตามนั้นจริง ๆ
5.เมื่อกล่าวคำว่า "ขอโทษ" จงสบตาเขาด้วย
6.ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน จงหมั้นเสียก่อนอย่างน้อย 6 เดือน
7.จงเชื่อในรักแรกพบ
8.อย่าหัวเราะเยาะความฝันของผู้อื่น คนที่ไม่มีฝันก็เหมือนไม่มีอะไร
9.เมื่อรักจงรักให้ลึกซึ้ง และ ร้อนแรง อาจจะต้องเจ็บปวดแต่นั่นคือหนทางเดียวที่ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็ม
10.ในเหตุการณ์ขัดแย้ง โต้อย่างยุติธรรม ไม่มีการตะโกนใส่กัน
11.อย่าตัดสินคนเพียงเพราะญาติๆ ของเขา
12.จงพูดให้ช้า แต่ต้องคิดให้เร็ว
13.ถ้าถูกถามด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ จงยิ้มแล้วถามกลับว่า จะรู้ไปทำไม
14.จงจำไว้ว่า สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือความรัก และความสำเร็จ ล้วนต้องมีการเสี่ยง
15.พูดว่า ขอพระคุ้มครอง เมื่อได้ยินใครจาม
16.เมื่อพ่ายแพ้ จงอย่าสูญเสียบทเรียนไปด้วย
17.จงจำ 3 น :- นับถือผู้อื่น นับถือตนเอง รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ
18.จงอย่าให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ มาทำลายมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่
19.ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิด ลงมือแก้ไขทันที
20.จงยิ้มเวลารับโทรศัพท์ ผู้ฟังจะเห็นได้จากน้ำเสียงของเรา
21.จงหาโอกาสอยู่กับตัวเองบ้าง




ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง (รักลูก ... ลูกรัก)
พ่อแม่ก็แก่เฒ่า จำจากเจ้าไม่อยู่นาน
จะพบจะพ้องพาน เพียงเสี้ยววานของคืนวัน
ใจจริงไม่อยากจาก เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน
แต่ชีพมิทนทาน ย่อมร้าวรานสลายไป
ขอเถิดถ้าสงสาร อย่ากล่าวขานให้ช้ำใจ
คนแก่ชะแรวัย คิดเผลอไผลเป็นแน่นอน
ไม่รักก็ไม่ว่า เพียงเมตตาช่วยอาทร
ให้กินและให้นอน คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ
เมื่อยามเจ้าโกรธขึง ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย
ร้องให้ยามป่วยไข้ ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบโยน
เฝ้าเลี้ยงจนโตใหญ่ แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน
หวังเพียงจะได้ผล เติบโตจนสง่างาม
ขอโทษถ้าทำผิด ขอให้คิดทุกทุกยาม
ใจแท้มีแต่ความ หวังติดตามช่วยอวยชัย
ต้นไม้ที่ใกล้ฝัง มี หรือหวังอยู่ทนได้
วันหนึ่งคงล้มไป ทิ้งฝังไว้ให้วังเวง .


พรหมวิหาร 4
เมตตา : ความรักใคร่ ปรารถนาจะให้เป็นสุข
กรุณา : ความสงสาร คิดจะช่วยให้พ้นทุกข์
มุทิตา : มุทิตา ความพลอยยินดี เมื่อผู้อื่นได้ดี
อุเบกขา : ความวางเฉยไม่ดีใจ เสียใจ เมื่อผู้อื่นถึงความพิบัติ

อิทธิบาท
:: คุณเครื่องให้สำเร็จความประสงค์ 4 อย่าง
ฉันทะ : พอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
วิริยะ : เพียรหมั่นประกอบในสิ่งนั้น
จิตตะ : เอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้น ไม่วางธุระ
วิมังสา : หมั่นตริตรองพิจารณาเหตุผลในสิ่งนั้น

ธรรมเป็นโลกบาล
:: คุ้มครองโลก 2 อย่าง
หิริ : ความละอายแก่ใจ ในอันจะประพฤติชั่วทั้งปวง
โอตตัปปะ : ความเกรงกลัวต่อบาป อันเกิดจากการประพฤติชั่วทั้งปวง


มงคลชีวิต
ถ้าท่านทำตัวแข่งกับสังคม
ถ้าท่านทำงานเห็นแก่หน้า
ถ้าท่านทำตัวเห็นแก่ได้
ถ้าท่านกลัวจนเกินไป
ถ้าท่านกล้าจนเกินงาม
ถ้าท่านขาดความพอดี
ถ้าท่านหวังแต่ความสนุก
ถ้าท่านขาดความยั้งคิด
ถ้าท่านทำใจให้สงบ ทางแห่งความล่มจมกำลังตามมา
ท่านจะพบกับปัญหาเรื่อยไป
ท่านอย่าหวังน้ำใจจากเพื่อนฝูง
ท่านจะทำอะไรไม่ได้ความ
ท่านจะพบกับความเดือดร้อน
ท่านจะเป็นหนี้เขาตลอดกาล
ท่านจะเป็นทุกข์มหาศาล
ชีวิตทั้งชีวิตจะหมดความหมาย
ท่านจะพบกับความสุขที่เยือกเย็น












มงคลชีวิต
อย่านอนตื่นสาย
อย่าหมิ่นเงินน้อย
อย่าเสาวนาคนชั่ว
อย่าสุกก่อนห่าม
อย่ารำก่อนเพลง
อย่าคอยแต่ประจบ
อย่าดีแต่ตัว
อย่าฝืนกฏระเบียบ
อย่าชื่นชมคนผิด
อย่าใส่ร้ายคนดี
อย่านินทาพระเจ้า
อย่าสุขจนลืมตัว
อย่าพิทักษ์พาลชน อย่าอายทำกิน
อย่าคอยวาสนา
อย่ามั่วอบายมุข
อย่าพล่ามก่อนทำ
อย่าข่มเหงผู้น้อย
อย่าคบแต่เศรษฐี
อย่าชั่วแต่คนอื่น
อย่าเอาเปรียบสังคม
อย่าคิดเอาแต่ได้
อย่ากล่าววจีมุสา
อย่าขลาดเขลาเมื่อมีทุกข์
อย่าเกรงกลัวงานหนัก
อย่าลืมตนเมื่อมั่งมี







เร็วก็ว่าล้ำหน้า ช้าก็ว่าอืดอาด
โง่ก็ถูกตวาด พอฉลาดก็ถูกระแวง
ทำก่อนถามว่าใครสั่ง ครั้นทำทีหลังบอกว่าไม่รู้จักคิด
คนดีถูกถีบไปไกลตัว แต่กลับเอาคนชั่วมาใกล้ชิด
เกลียดคนตรงหลงคนคดงอ ชอบกินลูกยอแต่ให้ลูกโยน
หัวตัวเองไม่พอใจ ชอบหัวใหม่ด้วยการใส่หัวโขน
คนดีจึงเผ่นหนีเข้าป่า คนที่เดินอย่างสง่าจึงมีแต่พวกโจร
พระพิพิธธรรมสุนทร


การสร้างอุปนิสัยในการทำงาน ด้วย 15 อย่าง
อย่าอวดรู้
อย่าดูแคลน
อย่าแสนงอน
อย่าซ่อนเงื่อน
อย่าเชือนแช
อย่าแส่เรื่องของคนอื่น
อย่าเสือกงานของเขา
อย่าเอาแต่งานของตัว
อย่ากลัวเขาหาว่า
อย่าด่าเจ้านาย
อย่าขยายความลับ
อย่าจ้องจับผิด
อย่าคิดไม่ซื่อ
อย่าดื้อจนด้าน
อย่าค้านจนแค้น

แด่เยาวชนคนสิ้นคิด
พ่อไถนา อาบแดด ถูกแผดเผา
ลูกดืมเหล้า ฟังเพลง ครื้นเครงเหลือ
แม่ขายผัก กินข้าว เคล้ากับเกลือ
ลูกเอื้อเฟื้อ พาสาวเที่ยว เลี้ยวโฮเต็ล
พ่อหาเงิน ส่งลูกเรียน เพียรอุตส่าห์
ลูกติดยา คบเพื่อนชั่ว มั่วให้เห็น
แม่กระหาย ดื่มน้ำคลอง ตอนกลองเพล
ลูกทะเล้น จิบไวน์แดง แพงจับใจ
พ่ออดอยาก ไม่เคยบ่น ทนลำบาก
ลูกมักมาก เพศสัมพันธ์ มันฉิบหาย
แม่ทอผ้า ปลูกหม่อน หารายได้
ลูกหญิงชาย เที่ยวสนุก โรคติดตัว
พ่อสูบน้ำ เข้าแปลงนา ปลูกกล้าข้าว
ลูกมัวเมา การพนัน หมั่นหาผัว
แม่หาบน้ำ เลี้ยงเป็ดไก่ ทำสวนครัว
ลูกใจชั่ว ใช้เงินเพลิน เดินหลงทาง
พ่อขายวัว ส่งควายเรียน เวียนศีรษะ
ลูกตะกละ กินฟาสท์ฟู้ด พูดกว้างขวาง
แม่ปวดเมื่อย สู้งานหนัก ไม่ละวาง
ลูกสำอาง ใช้ของแพง แข่งสังคม
พ่อผอมแห้ง เรี่ยวแรงน้อย ด้อยอาหาร
ลูกประพฤติ อันธพาล ร่านเสพสม
แม่เป็นหนี้ ดอกทบต้น หมดอารมณ์
ลูกเขี้ยวคม ฆ่าพ่อแม่ ก่อนแก่ตาย



การใช้เวลาเพื่อชีวิต
คิด เพราะความคิดเป็นบ่อเกิดแห่งพลัง
เล่นกีฬา เพราะทำให้เป็นคนหนุ่มสาวตลอดกาล
อ่าน เพราะทำให้ฉลาดรอบรู้
สวดมนต์ เพราะเป็นการสร้างพลังจิตให้เข้มแข็ง
รัก เพราะความรักทำให้ชีวิตมีค่า
หัวเราะ เพราะเสียงหัวเราะคือดนตรีที่จะให้ความสุนทรีย์แห่งจิตใจ
เป็นมิตร เพราะมิตรภาพคือความอบอุ่นและสวยงาม
ทำกุศล เพราะผลบุญเป็นกรรมดีแห่งชีวิต
ทำงานให้เสร็จ เพราะทำให้เกิดความภาคภูมิใจในคุณค่าของตนเอง
กตัญญู เพราะเป็นเครื่องหมายของคนดี

นี่แหละชีวิตการทำงาน
เร็ว ก็หาว่าล้ำหน้า
ช้า ก็หาว่าอืดอาด
โง่ ก็ถูกตวาด
พอฉลาด ก็ถูกระแวง
ทำก่อน ก็บอกว่าไม่ได้สั่ง
ครั้นทำทีหลัง ก็บอกว่าไม่รู้จักคิด
คนดีดี ถูกถีบไปไกลตัว
แต่กลับเอาคนชั่ว มาใกล้ชิด

พฤติกรรมไม่พึงประสงค์
เกลียด คนตรง
หลง คนคดงอ
ชอบ กินลูกยอ
แต่ ให้ลูกโยน
หัวตัวเอง ไม่พอใจ
ชอบหาหัวใหม่ ใส่หัวโขน
คนดี จึงเผ่นหนีหน้า
คนที่เดินหน้า จึงมีแต่โจร







คำตอบน่าห่วง .. "พ่อฮับ การเมืองคืออะไรฮับ"
หนูน้อยคนหนึ่งถามพ่อว่า "พ่อฮับ การเมืองคืออะไรฮับ"
คุณพ่อใจดีตอบว่า "พ่ออธิบายง่าย ๆ อย่าง นี้ดีกว่า คือ
พ่อเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว หนูต้องเรียกพ่อว่า ทุนนิยม
ส่วนแม่เป็นคนจัดการเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ก็ต้องเรียกแม่ว่ารัฐบาล
เราสองคนมีหน้าที่ดูแลความต้องการของลูก เพราะฉะนั้น
เราจะเรียกลูกว่า ประชาชน
ส่วนพี่เลี้ยงของหนูเรามองว่าเธอเป็น ชนชั้นผู้ชั้นแรงงาน
สำหรับน้องชายของลูก เราจะเรียกเขาว่า อนาคต
เอาละ ลองเก็บไปคิดดูว่าหนูเข้าใจหรือเปล่า"

คืนนั้น
หนูน้อยเข้านอนพลางคิดถึงคำพูดของคนเป็นพ่อ
กลางดึกพ่อหนูได้ยินเสียงน้องร้องจ้า
ย่องเข้าไปดูเห็นอึกองโตเต็มผ้าอ้อม
พ่อหนูเดินไปห้องพ่อแม่ แต่กลับเจอมามี้นอนกรน คร่อกฟี้
เดินไปห้องพี่เลี้ยง ปรากฏว่าประตูติดล็อก เขย่ง มองในรูกุญแจ
ก็เห็นภาพบิดากำลังเล่นจ้ำจี้กับพี่เลี้ยง เข้าเต็มตา
หนูน้อยเลยล้มเลิกความพยายาม แล้วกลับไปนอนคลุมโปงตามเดิม

เช้าวันต่อมาหนูน้อย
เดินไปหาพ่อบอกเสียงขรึมว่า
"พ่อครับ ตอนนี้ผมเข้าใจ คอนเซ็ปต์การเมืองแล้วละครับ"
"เหรอลูก ไหนบอกพ่อซิ ลูกคิดว่าการเมืองคืออะไร"
คุณพ่อตัวดีซักไซร้

คุณลูกตอบฉะฉาน "การเมืองก็เป็นเรื่องประมาณว่า
ขณะที่ทุนนิยมกำลังกดขี่ชนชั้นใช้แรงงาน
รัฐบาลก็หลับคุดคู้ไม่รู้ไม่เห็น
ด้านประชาชนก็ถูกละเลยไม่ได้รับความสนใจ
ส่วนอนาคตก็จมอยู่ในกองขี้ไงครับ"