วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ทำทีมมันให้เวิร์ก

โดย สุจินต์ จันทร์นวล"ก็เมื่อตีโจทย์ของปัญหาว่าทำไมทีมไม่เวิร์กแตกแล้ว มีผลวิเคราะห์ทั้งหมดแล้ว ก็เอามาหาแนวคิดแก้ไขทีละจุดทีละประเด็น ได้แนวคิดว่าต้องแก้ยังไง แล้วค่อยมาคิดวิธีทำในการแก้ไข""ฟังดูแล้วมันไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ขั้นตอนเยอะแยะไปหน่อยหรือ ยังกะภาษาราชการหรือหลักทฤษฎีจากตำรา ที่ฟังแล้ว อ่านแล้ว ต้องเอามาแปลอีกทียังไงยังงั้น" อดเหน็บแนมมาเสียนาน ลองแหย่ใหม่"ก็ประเภทไม่จับความและแยกแยะให้ดีเสียก่อน จะรู้สึกแบบนี้แหละ ที่จริงแล้วมันก็ไอ้คอมมอนเซนส์ดีๆ นี่แหละ เพียงแต่เอามาแยกพูดให้เห็นเป็นขั้นเป็นตอนเท่านั้นคือคนเราเมื่อเจอปัญหา อารมณ์และความรู้สึกที่มีต่อปัญหานั้นจะมาก่อนสติปัญญาเสมอ และเจ้าสองตัวที่รวดเร็วก่อนความคิดนั้น มันมักจะรีบสรุปรีบฟันธง และทำอะไรให้มันขุ่น มันมัว และมั่ว จนเจ้าสติปัญญาทำงานไม่เต็มที่ โดนชักนำและจูงตามเจ้าสองตัวผู้ไวไฟนั่นไปถ้ารู้จักวิธีควบคุมมัน อย่าให้มันเสือกโชว์ความเร็ว เอาสติปัญญาแซงมาก่อน ก็จะสามารถเห็นอะไรชัดเจนว่าปัญหามันมาจากอะไร สาเหตุมาจากไหน ซึ่งมันก็จะเป็นที่มาของแนวคิดและวิธีลงมือแก้ไขและเจ้าแนวคิดในการแก้ไขกับวิธีลงมือแก้ไขน่ะ ไม่เหมือนกันนะ ส่วนใหญ่พวกไอเดียบรรเจิด ยิ่งพูดเก่ง นำเสนอเก่งเนี่ย เวลาเสนอแนวคิดในการแก้ไข คนฟังจะเคลิ้มเพราะมันใช่เลยแหละ แต่มักจะจบตรงนั้น ไม่ได้บอกว่าแล้ววิธีที่จะทำ ทำอย่างไร ใครทำ ต้องใช้อะไรประกอบบ้างอย่างแบบว่าแนวคิดในการแก้ไข คือต้องทำให้คนที่มีปัญหา สร้างปัญหา เป็นต้นเหตุของปัญหา เข้าใจให้ได้ว่าหยั่งงั้นหยั่งงี้ แต่ไม่ได้บอกว่าใครควรจะเป็นคนพูด พูดยังไง คนพูดที่จะให้พูดนั้น พูดเป็นหรือเปล่า มีวาทศิลป์ มีจิตวิทยาในการใช้คำพูดพอหรือไม่""ยังไม่เห็นเข้าเรื่องเลยนี่หว่า มัวหลอกด่า อยู่ได้""ใครบอก เรื่องนี้แหละที่ต้องสอนให้ทีมเข้าใจเสียก่อนจะได้ไม่ด่วนสรุปอะไรง่ายๆ และไม่ต้องรีบทำเป็นฉลาด ไม่ต้องกลัวนายจะคิดว่าโง่ ได้โจทย์มาต้องทำยังไงก่อน ตีโจทย์ไม่ถูก ก็พังตั้งแต่เริ่มจากนั้นต้องสอนวิธีทำงานเป็นทีมที่แท้จริงให้เข้าใจ ว่ากันตั้งแต่การทำหน้าที่ของหัวหน้าทีม หน้าที่คือการวางประเด็นในการประชุมหารือ หลักใหญ่ของขั้นตอนในการให้คนในทีมพูดออกความเห็น เอาทีละประเด็นขั้นตอนวิเคราะห์โจทย์ตีโจทย์ให้แตก ก็โฟกัสตรงนั้นก่อน อย่าเพิ่งให้ออกนอกประเด็น จากนั้นจึงเป็นประเด็นต่อไป ว่าไปทีละประเด็นจนครบ เสร็จแล้วก็เป็นคนสรุปสรุปก็สรุปจากความคิดเห็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่เอาจากตำแหน่งใครใหญ่ เพราะการทำงานเป็นทีมไม่ใช่เรื่องเอาคนใหญ่สุดเป็นหลัก แต่เอาความเห็นส่วนใหญ่เป็นหลัก ไม่งั้นนายเขาจะสั่งให้ทำเป็นทีมทำไม เขาก็สั่งงานไปตามตำแหน่งลำดับขั้นแล้วต้องทำหน้าที่เป็นแค่หัวหน้าในที่ประชุม ควบคุมการประชุมให้อยู่ในประเด็น และเป็นไปตามวาระ เป็นคนสร้างบรรยากาศในที่ประชุมให้ผ่อนคลาย ไม่กดดันและเครียดเกินไป มีการบันทึกและรวบรวมความคิดเห็น ทำให้ทุกคนเข้าใจถึงความเสมอภาคของทุกคนในทีม ผลักดันให้ทุกคนต้องกล้าคิดกล้าแสดงออก เพราะมันคือคอนเซ็ปต์ของการทำงานเป็นทีม รู้จักที่จะชักนำประเด็นไปสู่การประนีประนอม ให้ทำหน้าที่ประมาณนี้ถึงจะถูก ไม่ใช่เอาแต่ชี้นำและลากพวกในทีมไปในทิศทางที่ตัวเองคิดเป็นอันขาดช่วงแรกตัวนายเองต้องคอยกำกับดูแลให้พวกเขาทำตามคอนเซ็ปต์ให้คล่อง ด้วยการเอางานบางงานมาทำไปสอนไปจริงๆ โดยทำตัวเป็นหัวหน้าทีมที่ถูกต้องให้ดูก่อน และให้ทุกคนจดจำไว้ กลยุทธ์และวิธีการในการสร้างบรรยากาศการประชุม วิธีการพูด วิธี แฮนเดิลความขัดแย้งทางความคิดของคนในทีม ต้องทำอย่างไร วิธีทำให้ลงตัวทำยังไงต้องแสดงให้พวกเขาเห็นว่านี่คือสิ่งที่ต้องการ นี่คือวิธีการสร้างลูกน้อง วิธีฝึกคนสร้างคน นี่คือการให้โอกาสที่ทุกคนสามารถจะแสดงฝีมือ โชว์กึ๋น ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดก็ตาม สิ่งที่ต้องการนี้ไม่ทำให้ใครเสียอะไรเลย ทุกคนได้หมด รวมทั้งบริษัทด้วยต้องทำ ต้องพูด ต้องตอกย้ำ ด้วยการแสดงออกอย่างเอาจริงเอาจังผ่านทางการประชุม การสั่งงาน การติดตามงาน เรื่อยลงไปถึงชั้นปฏิบัติการ เมื่อมีปัญหาจะแก้ยังไง ราวกับใส่โปรแกรมล้างสมองกันเลยว่านี่คือวัฒนธรรมองค์กรในแง่การบริหาร ทำจนกระทั่งคนที่ไม่สามารถปรับตัวปรับใจให้เข้ากับสไตล์การบริหารนี้ จะรู้สึกยากลำบากมากในการเข้ากับคนอื่น จนต้องโดดเดี่ยวตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่ระดับบริหาร ประเภทยังมีความคิดที่ล้าหลังก็ต้องถูกบังคับโดยสถานการณ์ให้เปลี่ยนแปลงตาม เพราะนายให้โอกาสเด็กระดับล่างได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ไม่ปรับไม่เปลี่ยนมีสิทธิถูกเบียดตกเก้าอี้ได้ทีนี้พอจะเข้าใจและเห็นภาพชัดเจนไหม ว่าการจะทำทีมสร้างทีมลูกน้องให้มันเวิร์กเป็นทีมเวิร์กได้นั้นต้องทำอย่างไร""แปลว่ามันอยู่ที่นายประการเดียวหยั่งงั้นหรือ ?""เริ่มต้นและวางหลักโดยนาย ฝึกสอนโดยนาย ติดตามผล ตอกย้ำโดยนาย รักษาระบบการทำงานแบบนี้โดยนาย ถ้านายไม่เอาจริง ไม่ทำจริง ก็อย่าไปบ่นผิดหวังที่ลูกน้องไม่เป็นทีมเลย เพราะนายเองยังไม่ลึกซึ้งถึงการทำงานเป็นทีมพอเอาแต่เหตุผลโบราณๆ มาอ้าง ทำนองว่าคนไทยเป็นหยั่งงี้แหละ เล่นอะไรเป็นทีมไม่เป็น เล่นคนเดียวละเก่ง ไม่ค่อยจะยอมพูดยอมออกความเห็น กลัวว่าจะไปกระทบความรู้สึกคนอื่น เดี๋ยวเขาจะหาว่างั้นงี้ ไม่ค่อยจะยอมรับผิดชอบ ที่ชอบ คือชอบเห็นข้อไม่ดีของคนอื่น ต่อหน้าไม่ค่อยพูด แต่ชอบไปพูดลับหลังกัน แยกไม่ออก เรื่องความรู้สึกส่วนตัวกับงานเอามาผสมปนเปกัน ไม่ค่อยจะยอมรับความเป็นจริง ถ้าความเป็นจริงนั้นมันทำให้ตัวเองมีผลลบในสายตาคนอื่น เป็นทำนองว่านี่คือพันธุกรรมของคนไทย แก้ไม่ได้ ก็เลยไม่คิดจะแก้ ซึ่งความจริงไม่ใช่ มันทำได้ แก้ได้ มันอยู่ที่ผู้นำจะเปิดกว้างและมีความปรารถนาที่จะแก้จริงๆ หรือเปล่า เข้าใจเข้าถึงจริงๆ หรือเปล่า มีพื้นฐานจิตใจอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่าถ้ามี ทำไมจะแก้ไม่ได้ งานตั้งเยอะแยะหลายประเภทที่ต้องอาศัยคอนเซ็ปต์ของการทำงานเป็นทีม บริษัทของคนไทย ผู้บริหารคนไทย สามารถใช้ระบบทีมนี้สร้างผลงานติดอันดับโลกด้วยซ้ำ อย่างงานโฆษณานี่ไง เป็นต้นใช่ แปลว่ามันอยู่ที่นายประการเดียว เริ่มต้น และรักษาไว้ หลังจากนั้นมันจะเป็นไปตามระบบของมันเอง ทีมมันก็จะเวิร์กด้วยตัวของมันเอง"

ไม่มีความคิดเห็น: